เฟสเขียว

เฟสเขียว บางครั้งก็อาจจะได้ยินกันอย่างชินหูสำหรับคำว่า “เฟสบุ๊คยิงแอดโปรโมท” ด้วยเหตุว่ากรุ๊ปที่ทำธุรกิจค้าขายออนไลน์ใช้ เฟสบุ๊ค เป็นแนวทางสำหรับติดต่อสื่อสารให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายได้เห็นผลิตภัณฑ์ โดยทำประชาสัมพันธ์ผ่านเฟสบุ๊คเพื่อยิงแอด รวมทั้ง เมื่อคุณก้าวเข้าสู่วงการของกระบวนการทำการตลาดออนไลน์ โดยทำโปรโมทผ่านทาง เฟสบุ๊ค ก็บางครั้งก็อาจจะได้ยินคำ 2 คำนี้ อยู่บ่อยกับคำว่า เฟสเขียว และก็ เฟสขาว แต่ว่าคุณแยกออกหรือเปล่าว่า เฟสบุ๊ค ทั้งยัง 2 แบบงี้ที่ใช้ยิงแอดประชาสัมพันธ์มีความต่างกันเช่นไร หรือใช้ เฟสเขียว หรือ เฟสขาว เพื่อทำยิงแอดโปรโมทถึงกลุ่มเป้าหมายแบบไหนดีมากกว่ากัน

พวกเราจะมาเจาะลึกถึงความต่างพร้อมด้วยความชื่นชอบของนักการตลาดที่อยู่ในวงการยิงแอดประชาสัมพันธ์ว่านิยมใช้ เฟสเขียว หรือ เฟสขาว เพื่อดำเนินงานยิงแอดโปรโมทถึงกลุ่มเป้าหมาย

เฟสเขียว vs เฟสขาว เหมาะสมกับผู้ใดถ้าเกิดอยากได้ใช้งานยิงแอดโปรโมท

ถึงแม้ทั้งยัง เฟสเขียว และก็ เฟสขาวจะสามารถยิงแอดประชาสัมพันธ์ได้เหมือนกัน แต่ว่าก็อย่างที่บอกไปว่าความผิดแผกกับสถานะของเฟสที่ใช้ยิงแอด ชี้ให้เห็นถึงความแจ่มแจ้งสำหรับเพื่อการดำเนินการในระยะสั้นหรือระยะยาว ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือสายยิงแอดมือโปรก็ควรจะเลือกเฟสที่มีความแข็งแรง และก็มีความแข็งแกร่ง แล้วก็ลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งก็คือเฟสเขียว ซึ่งเป็นเฟสที่ “รับรองตัวตนสำเร็จเป็นที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว” หรือเรียกว่า (ได้สิทธิ์การเข้าถึงประชาสัมพันธ์คืนมา แล้ว)

ทำความเข้าใจ เฟสเขียว vs เฟสขาว ก่อนตัดสินใจซื้อใช้งาน

อาจจะไม่มีไม่ถูกไม่มีถูกสำหรับเพื่อการเลือกซื้อ เฟสเขียว หรือ เฟสขาว หากว่าคุณปรารถนาที่จะใช้ เฟสบุ๊คสำหรับการยิงแอดโปรโมทถ้าว่าความจำกัดก็ค่อนข้างจะที่จะแตกต่างออกไป ซึ่งคุณทราบไหมว่าการทำประชาสัมพันธ์ที่ยืนยง รวมทั้งทำการตลาดทาง เฟสบุ๊ค ในระยะยาว และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับบัญชียิงอัดโปรโมทในอนาคตเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมที่สุด เฟสเขียว โน่นก็เลยทำให้นักการตลาดหรือสายยิงแอดมือโปรเลือกที่จะใช้ “เฟสเขียว” สำหรับในการยิงแอดโปรโมททาง เฟสบุ๊ค มากยิ่งกว่า โน่นเพราะว่า เฟสเขียว เป็นเฟสที่ใช้ยิงแอดประชาสัมพันธ์ที่ “ผ่านการรับรองตัวตน” เป็นที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว หรือเรียกว่าเป็นเฟสที่มีการใช้งานจริงๆ

สรุปเข้าใจง่าย ครบถ้วนสมบูรณ์ เฟสเขียว กับยุทธวิธีแนวทางการทำ SEO

ปัจจุบันนี้คนค้นหาสิ่งที่เราเองสงสัยหรือปรารถนาใน Google แล้ะใช้บ่อยมากไม่แพ้ Facebook, Instagram, Youtube หรือ Line ปริมาณการค้นหาหรือปริศนาที่ Google ได้รับอยู่ “ทุกวินาที” นั้นเกินกว่า 40,000 ครั้ง แปลว่า Google ได้รับปัญหาแล้วก็คำที่ถูกค้นเกิน 3.5 พันล้านในทุกวัน (อ้างอิงสถิติจาก internetlivestats.com)

ดังนั้นการเอาเว็บหรือแอปฯขึ้นหน้าหนึ่งและก็ติดอันดับต้นๆบน Google ก็เลยเกิดเรื่องที่ธุรกิจหลายๆเจ้าให้ความใส่ใจ เมื่อคนค้นหาในสิ่งที่สงสัยหรือปรารถนา เว็บของพวกเราจำเป็นจะต้องปรากฎให้คนนั้นมองเห็นเพื่อไปตอบเรื่องที่น่าสงสัยหรือรองรับความต้องการของคนนั้น (ทำเว็บไซต์ฯดักรอให้คนเห็นตามหลัก Pull Marketing) ไม่เสมือนกระบวนการทำรายละเอียดรวมทั้งโปรโมทบน Social Media ที่จำต้องโพสให้คนเห็นเพื่อกระตุ้นให้คนพอใจรวมทั้งปรารถนาตามหลัก Push Marketing

พวกเราเลยต้องการสรุปเนื้อหาส่วนที่มีความสำคัญว่า SEO เป็นยังไงกันแน่ แล้วหลังจากนั้นพวกเราจะสอนวิธีการ ขั้นตอนแล้วก็วัสดุที่ใช้เพื่อทำ SEO รวมทั้งต้นสายปลายเหตุที่มีผลต่อชั้นของเว็บบน Google

SEO เป็นอย่างไร ?

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นวิธีการทำให้คนเห็น เยี่ยมชมและก็ได้รับประสบการณ์ที่ดีจากเว็บหรือใช้แอปพลิเคชั่นมากขึ้นบน Google ที่ครอบครองตลาดใหญ่ที่สุดของ Search Engine โดยไม่พึ่งเงินทำโปรโมทออนไลน์ให้คนคลิกเข้าเว็บไซต์ฯหรือแอปฯตรงๆ(Pay per click) เป็นหลัก

SEO จะปฏิบัติภารกิจให้ผู้รับทราบว่าเว็บของพวกเราบางทีอาจเกี่ยวกับสิ่งที่สงสัยแล้วก็ทดลองเข้าไปเยี่ยมชมและก็พึงพอใจ และก็แม้พอใจกระทั่งต้องการซื้อผลิตภัณฑ์หรือใช้บริการ ก็สามารถค้นหาแบรนด์ของพวกเราและก็พบเว็บไซต์ฯของพวกเราที่ทำ Google Adwords รอคอยไว้อยู่แล้วซึ่งเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของแนวทางการทำ SEM (Search Engine Marketing) นั่นเอง (แม้กระนั้นในที่นี้จะขอชี้แจงเพียงแค่ SEO แค่นั้น)

SEO ก็เลยไม่ใช่แค่วิธีการทำให้เว็บแล้วก็แอปฯที่เป็น Digital Asset ติดอันดับหน้าหนึ่งบน Google เพียงอย่างเดียว

แผนการสำหรับการทำ SEO

ถ้าหากแบรนด์ของพวกเรามิได้ได้รับความนิยมจริงๆก็ไม่สมควรหวังให้กลุ่มเป้าหมายค้นหาชื่อแบรนด์ ผลิตภัณฑ์หรือบริการของพวกเราตรงๆด้วยเหตุว่าก่อนที่จะกลุ่มเป้าหมายจะหาชื่อแบรนด์ของพวกเราพบ จึงควรมาการ “เดินทาง” มาก่อน

เพราะฉะนั้นวิธีการสำคัญๆสำหรับเพื่อการทำ SEO (จริงๆเป็นกลอุบายสำคัญๆสำหรับการทำ Digital Marketing) ควรต้องทำให้เว็บไม่กระโจนไปขายสินค้าเลย แม้กระนั้นจำเป็นต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักก่อน และก็หลังจากนั้นจึงค่อยกระตุ้นความพึงพอใจ ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์รวมทั้งบริการที่พวกเราขาย ก่อนจะมาเป็นลูกค้า รวมทั้งบอกต่อแบรนด์ถัดไป

1. ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักเว็บของพวกเราก่อน

กลุ่มเป้าหมายในขั้นนี้ไม่ได้ตั้งใจค้นหาชื่อแบรนด์ของพวกเราเดิมที แต่ว่าจะเริ่มจากค้นหาสิ่งที่สงสัยรวมทั้งปรารถนาก่อน อย่างเช่นกลุ่มเป้าหมายต้องการทานอาหารประเทศญี่ปุ่นแถวสีลม บางทีก็อาจจะค้นหาคำว่า “ห้องอาหารประเทศญี่ปุ่นแถวสีลม” แล้วพบเว็บของห้องอาหารประเทศญี่ปุ่นที่บนหน้าแรกของ Google รวมทั้งรวมทั้งเว็บเสนอแนะห้องอาหารที่ว่า เฟสเขียว ซึ่งพอเพียงคลิกเข้าไปดูแล้วก็บางทีอาจจะพบห้องอาหารของพวกเราก็ได้ส่วนเว็บจะเป็นของพวกเราหรือของบุคคลอื่นก็ได้

2. ทำรายละเอียดแล้วก็พัฒนาเว็บไซต์ให้น่าดึงดูด

ขั้นตอนนี้ไม่ใช่การโฆษณาขายแบรนด์ ผลิตภัณฑ์หรือบริการของพวกเรา แม้กระนั้นลงรายละเอียดลักษณะผลิตภัณฑ์บริการของพวกเรากับกลุ่มเป้าหมาย เพราะเหตุว่าระยะนี้จะเป็นตอนที่กลุ่มเป้าหมายหาข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้ ต้องการทราบจะแบรนด์ของพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการออกแบบเว็บให้น่าดึงดูด

3. ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับจำพวกผลิตภัณฑ์หรือบริการที่พวกเราขาย

ขั้นตอนนี้ท้าสำหรับแบรนด์ที่ขายของราคาสูง มีความใหม่ สลับซับซ้อน คู่ปรับเยอะแยะ แบรนด์พวกเราก็ไม่ใช่แบรนด์เดียวที่เป็นตัวเลือกของกลุ่มเป้าหมาย เพราะฉะนั้นเว็บควรจะทำรายละเอียดที่เทียบผลิตภัณฑ์และก็บริการระหว่างแบรนด์ของพวกเรากับคู่แข่งขันในด้านต่างๆรวมทั้งผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ใช้ตอบแทนกันได้ แล้วยกจุดขายหรือ Unique Value Proposition ของผลิตภัณฑ์ขึ้นมา

4. ขายสินค้า

ขั้นตอนนี้แนวทางการทำ Google Adwords จะมีคุณภาพมากยิ่งกว่าทำ SEO เฉยๆเหตุเพราะกลุ่มเป้าหมายตกลงใจที่จะซื้อผลิตภัณฑ์หรือเลือกใช้บริการของพวกเราแล้ว ก็เลยค้นหาชื่อแบรนด์ของพวกเราโดยตรง ด้วยเหตุดังกล่าวควรจะทำให้เว็บเพจที่ขายสินค้าไปอยู่อันดับแรกๆบนหน้าแรกของ Google โดยใช้ประชาสัมพันธ์ Google Adwords ดีมากกว่าปลดปล่อยให้กลุ่มเป้าหมายไปพบเว็บไซต์ฯของคู่ต่อสู้แทน

5. กระตุ้นให้ลูกค้าได้เขียนรีวิวผลิตภัณฑ์และก็บอกต่อ

ขั้นตอนนี้พวกเราทำอะไรมิได้มากมายเว้นเสียแต่เปิดพื้นที่ออนไลน์ให้ลูกค้าได้เขียนรีวิวผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ใช้ไปแล้ว หรือพวกเราสามารถขอให้ลูกค้าเขียน Testimonial ให้กับเว็บ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วลูกค้าจะไปรีวิวหรือบอกต่อไหนก็ได้ดังเช่น Pantip

ขั้นตอนนี้ก็เลยเปลี่ยนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสร้างชื่อของแบรนด์ซึ่งจะมีผลต่อกระบวนการทำ SEO ในอนาคต ดังเช่นว่าชื่อแบรนด์ของพวกเราเป็นที่นิยมแล้ว พวกเราเลยสามารถใช้ชื่อแบรนด์เป็นคีย์เวิร์ดได้ ยิ่งคนพูดถึงมากมายพวกเรายิ่งได้ traffic มากมายจากชื่อแบรนด์ของพวกเราฯลฯ

จะสังเกตว่า SEO จะมีหน้าที่มากมายในสามลำดับแรกสำหรับลูกค้าที่ไม่รู้จักว่าแบรนด์ไหนตอบปัญหาเจริญที่สุด ส่วนอีกสองขั้นตอนข้างหลัง SEO จะเป็นกิจกรรมที่รอเกื้อหนุนมากยิ่งกว่า รวมทั้งกระบวนการทำ SEO ไม่ใช่ต้องไม่เสียเงินเสียทองเสมอ อย่างเช่นกระบวนการทำ Advertorial ว่าจ้างเว็บดังๆมารีทิวทัศน์เสนอแนะชนิดของผลิตภัณฑ์ที่พวกเราขาย เฟสเขียว รวมทั้งเอาแบรนด์ของพวกเราเข้าไปด้วย หรือวิธีการทำ Google Adwords กับเว็บเพจที่มิได้เน้นย้ำขายสินค้าเพื่อเพิ่ม traffic แล้วก็ความน่านับถือ (แม้กระนั้นมิได้ทำให้ Organic Reach มากขึ้น) ฯลฯ

ขั้นตอนสำหรับเพื่อการทำ SEO

1. หาคีย์เวิร์ดที่กลุ่มเป้าหมายใช้กัน

• ซึ่งก็จำเป็นต้องคิดมาก่อนแล้วว่า
• จะทำรายละเอียดคอนเทนต์รองรับขั้นตอนไหนของกลอุบาย เพื่อระบุธีมของคีย์เวิร์ดได้ถูก
• ทดลอง brainstorm แล้วก็สุ่มถามลูกค้าถึงคีย์เวิร์ดที่จะใช้ แล้วทำรายการออกมาจากมุมมองของกลุ่มเป้าหมาย

ใช้วัสดุอย่าง Google Keyword Planner แล้วป้อนคีย์เวิร์ดเข้าไป เครื่องไม้เครื่องมือนี้จะเสนอแนะคีย์เวิร์ตตัวอื่นๆมาให้ พร้อมบอกปริมาณการค้นหาต่อเดือนและก็ระดับการแข่งขันชิงชัยของคีย์เวิร์ดแต่ละตัวให้พวกเราโหลดข้อมูลทั้งปวงเป็นไฟล์ Excel

แล้วทดลองประเมินแล้วก็จัดลำดับ High, Medium แล้วก็ Low ให้กับแต่ละคีย์เวิร์ดใน Excel ว่าคำไหนเกี่ยวพันกับธุรกิจและก็กลอุบายของพวกเรา แล้วก็ตัดคำที่ไม่เกี่ยวออกไป

2. จับคู่คีย์เวิร์ดกับเว็บเพจที่มีรายละเอียดสอดคล้องต้องกัน

• ต่อจากขั้นตอนที่แล้วพวกเรายังอยู่ในหน้า Excel อยู่ให้พวกเรา
• เปิด Google พิมพ์คำว่า intitle: “(คีย์เวิร์ดที่มีอยู่ใน Excel)” เพิ่อดูปริมาณเว็บที่มีคีย์เวิร์ดตัวนั้นใน Title Tag มันจะก่อให้พวกเรารู้ดีว่าคีย์เวิร์ดตัวนั้นแข่งขันกันมากน้อยแค่ไหน ปริมาณที่ได้ก็เอาไปใส่ไว้ภายใน Excel
• ให้ทดลองพิมพ์คีย์เวิร์ดแต่ละตัวใน Google แล้วหาเพจที่มีความคิดว่ามีคุณภาพดีสัก 1-2 เพจ เก็บ URL ของเพจนั้นไว้ภายใน Excel ด้านข้างคีย์เวิร์ดตัวนั้น ซึ่งเพจที่ว่าก็อยู่ในหน้าแรกของ Google
• มาดูว่าเพจไหนของพวกเรามีคีย์เวิร์ดที่พวกเราลิสต์ไว้บ้าง
• เมื่อทำทุกๆอย่างแล้ว เก็บข้อมูลนี้ไว้ให้ดีเพื่อเอามาคิดแผนทำคอนเทนต์ในขั้นต่อไป

3. ปรับแก้เว็บเพจ และก็ทำรายละเอียดให้มีคุณภาพ

ขั้นตอนนี้จะลงลึกถึงกระบวนการทำคอนเทนต์ เว้นเสียแต่พวกเรารู้ดีว่าคีย์เวิร์ดไหนที่จำต้องใช้ในแต่ละขั้นตอนของกลอุบาย เฟสเขียว พวกเรายังรู้ดีว่าเพจคู่ปรับเป็นคนไหน เพจนั้นทำเป็นดียิ่งกว่าเพจพวกเราที่ไหน เว้นแต่เรื่องเกี่ยวกับการดีไซน์ UX UI (โดยยิ่งไปกว่านั้นเว็บไซต์เวลาเปิดในสมาร์ทโฟน) ก็จะต้องมองว่า

• Meta title เขียนอยู่ระหว่าง 50 – 60 ตัวเขียนใส่ชื่อแบรนด์ด้านขวา และก็ใส่คีย์เวิร์ดแตกต่างในแต่ละเพจ
• เขียน Meta description ชวนให้คลิกใน 120 – 160 คำรวมทั้งใส่คีย์เวิร์ดไป 1-2 ตัวหนังสือไม่เหมือนกันในแต่ละเพจ
• เขียนหัวข้อ (Headers) ระหว่าง 20-50 ตัวหนังสือให้คนทราบดีว่ากำลังจะอ่านเรื่องอะไร
• เนื้อความที่ลิงค์ไปเพจอื่น (Anchor text) รวมทั้งชื่อรูปภาพที่ใช้ประกอบบทความ
• แล้วเอาข้อมูลทั้งปวงที่พวกเรามีตั้งแต่เดิมมาคิดแผนทำ Content Calendar ซึ่งสำคัญๆจะต้องมี
• ลิสด์รายการไอเดียคอนเทนต์จากคีย์เวิร์ด
• วัตถุประสงค์ว่าจะติดต่อถึงคนใดกันตามขั้นตอนของยุทธวิธี SEO
• ใช้ต้นแบบไหนสำหรับการติดต่อสื่อสาร – เป็นบทความภาพวีดีโอคลิปเสียงหรือ E-Book
• ใช้สไตล์ไหนที่สามารถหาดูได้ใน The content marketing matrix ของ Smartinsight
• ชื่อคนทำคอนเทนต์
• สถานะ (ยังมิได้ทำ, กำลังทำ, กำหนดเวลาโพส, โพสต์แล้ว)
• คีย์เวิร์ดที่ใช้
• วิถีทางที่เผยแพร่คอนเทนต์

ที่สำคัญคอนเทนต์ควรจะเป็นผลดีกับผู้อ่านจะต้องมีหลักฐานและก็ความน่าไว้ใจในคอนเทนต์ที่กำลังจะทำ (Expertise) ส่วนคนทำคอนเทนต์ก็ควรมีเกียรติศักดิ์ในเรื่องที่ทำ (Authority) แล้วก็จำเป็นต้องทำให้ผู้อ่านแน่ใจว่าคอนเทนต์ที่กำลังทำจะเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าไว้วางใจ (Trust)

ที่สำคัญจำต้องเขียนให้ตรงกับหัวเรื่อง เขียนถูก อ่านง่าย สะกดไม่ผิด ให้คนได้อ่านกล้วยๆ

4. สร้าง Internal Link และก็ External Link

Internal Link เป็นลิงค์ที่เชื่อกับเพจในเว็บของพวกเราเอง ชี้แนะว่าพวกเราควรจะลิสต์ออกมาว่าเว็บของพวกเรามีเพจอะไรบ้าง รายละเอียดของแต่ละเพจมีส่วนเกี่ยวข้องกันมากน้อยแค่ไหน อยู่ในหมวดเดียวกันหรือไม่ ด้วยเหตุผลดังกล่าวควรจะคิดแผนว่าเพจไหนควรจะอ้างอิงหรือลิงค์ไปเพจไหนให้เกี่ยวข้องกันให้สูงที่สุด และก็ตรวจดูเพราะว่าเพจที่พวกเราลิงค์ไปพบเกี่ยวข้องกันแล้วก็ยังอยู่ดี

5. ประเมินผลแล้วก็แก้ไขเพจและก็รายละเอียด

พวกเราสามารถให้ SEO Lighthouse เพื่อสำรวจจุดที่บกพร่องสำหรับการทำ SEO ได้โดยประมาณแม้กระนั้นถ้าอยากความละเอียดขึ้นจำต้องใช้ Google Search Console ไว้พิจารณาดูแลเว็บของพวกเรามอง ว่าเว็บไซต์ฯของพวกเรามีช่องโหว่ตรงไหนบ้าง และก็แจ่มแจ้งเตือนปัญหาให้ทราบ ดังเช่นแสดงผลลัพธ์ไม่ปกติ ดูหนัง 4k มีสแปม มีเพจซ้ำไปซ้ำมา วัสดุตัวนี้ยังบอกความถี่ที่เว็บไซต์ฯของพวกเราไปปรากฎตามคีย์เวิร์ดต่างๆรวมทั้งเว็บไซต์ฯที่ลิงค์มาหาเว็บไซต์ฯพวกเรา